วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

[แปลบทความ] CNBLUE ผสานทำนองดนตรีแแนวอีเลคโทร ป๊อป ร็อค เข้าไว้ด้วยกัน ในเพลง Cinderella

CNBLUE ผสานทำนองดนตรีแนว อีเลคโทร-ป๊อบ-ร็อค เข้าไว้ด้วยกันในซิงเกิ้ลใหม่ 'Cinderella' จากอัลบั้มชุดใหม่ '2gether'

เมื่อต้นปีที่แล้ว CNBLUE บอกกับ Billboard ไว้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบพวกเขากับวง Maroon 5 ว่าเป็นสิ่งที่ “น่าเคารพและให้เกียรติ” แต่พวกเขาก็หวังว่า “วันหนึ่ง พวกเราจะมีท่วงทำนองและสีสันเป็นของตนเอง และทำให้ผู้คนพูดได้ว่า ‘โอ้ว นี่เหมือนเพลงของ CNBLUE เลย’” และจากเพลงซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดจากอัลบั้มของวง K-pop-rock นั้น การเทียบกับ อดัม ลาวีน และเพื่อนในวงจึงกลายเป็นเรื่องที่จะโดนโจมตีมากกว่าเดิม แต่นั่นก็เป็นจุดที่อาจจะบ่งชี้ว่างานของพวกเขาก้าวขึ้นสู่ระดับสากลมากขึ้นกว่าเดิม
CNBLUE กล่าวเปรียบเทียบถึง Maroon 5 และระบุเพลงของพวกเขาในตอนเดบิวท์งานโชว์ที่นิวยอร์ก

“Cinderella” เป็นเพลงนำจากอัลบั้มเต็มของ CNBLUE ในชื่ออัลบั้มว่า 2gether ซึ่งจะเห็นได้ว่า หนุ่มๆมีการผสานท่วงทำนองดนตรีในแนวอีเลคโทรเอาไว้มากกว่าเดิม ซิงเกิ้ลนี้เปิดมาด้วยเสียงร้องนำที่แตกต่างออกไปจากเดิม เสียงเพลงจังหวะสังเคราะห์ และเครื่องกลองจังหวะหนักๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มาพร้อมกับเสียงคอรัสแบ็คกิ้งที่ดังขึ้นมาพร้อมกันกับท่อนฮุคติดปาก เพลง “Cinderella” ของ CNBLUE ให้ความรู้สึกเหมือนเพลง “Moves Like Jagger” ของ Maroon 5 ซึ่งมี Christina Aguilera มาร่วมร้องสร้างสีสันให้กับเพลงนี้ด้วย โดย Maroon 5 เริ่มเพลงด้วยทำนอง electronic ก่อน และมีเสียงกีตาร์คลอตามเป็นจังหวะ

สิ่งที่ปรากฎออกมานี้มันไม่ใช่จุดที่จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างเพลงนี้กับสิ่งที่วงอื่นๆในเกาหลีจะนำมาแต่งเติม แต่เมื่อได้ลองฟังดีๆแล้วจะรับฟังได้ถึงเสียงดนตรีจากกีตาร์สดที่บาดลึกแต่นุ่มหูและเสียงกลองในจังหวะที่ลงตัว ยิ่งกว่านั้นซิงเกิ้ลนี้แต่งเนื้อร้องและทำนองโดย จอง ยงฮวา หัวหน้าวง CNBLUE เอง ซึ่งการที่ศิลปินมีผลงานเช่นนี้หาได้ยากมากในกลุ่มนักร้อง K-pop

ในส่วนของมิวสิควีดีโอเพลง “Cinderella” เนื้อเรื่องหลักๆมีแรงบันดาลใจมาจากเทพนิยาย และมีหนุ่มๆทั้ง 4 สมาชิกวง CNBLUE ที่ได้พบกับสาวสวยคนหนึ่งแต่เพียงแค่หันกลับมาเธอก็หายตัวไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงร้องเท้าข้างหนึ่งไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น ถึงแม้ว่ารองเท้านี้จะไม่ใช่รองเท้าแก้ว แต่ก็เป็นร้องเท้าส้นสูงที่ประดับด้วยเพชรเลอค่า

จากที่ได้ฟังเพลงอัลบั้มใหม่ของ CNBLUE ‘2gether’ พบว่าหนุ่มๆมีการเปลี่ยนแนวดนตรีโดยออกไปแนวอีเลคโทรมาก ในชาร์จท็อป 40 และอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อค มีเสียงแซกโซโฟนด้วย เช่นในเพลง “Hide and Seek” และ เพลงที่ให้ความรู้สึกถึงเพลง ‘แดนซ์ในยุค 80s’ ซึ่งยากที่จะปฏิเสธอย่างเพลง “Catch Me” และเพลงสังเคราะห์จังหวะมันส์ๆอย่างเพลง “Domino” ซึ่งเป็นเพลงที่มีเสียงร้องนำที่สนุกสนานควบคู่ไปกับเสียงของนักร้องหญิงจากวง MAMAMOO เป็นการช่วยเพิ่มสีสันจังหวะpop ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่จังหวะร็อคก็มีส่วนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันอย่างเพลง “Roller Coaster” ซึ่งมีกลิ่นอายจังหวะ เรกเก้ หรืออย่างในเพลง “Hero” ซึ่งมีเสียงโซโล่กีตาร์ที่เพราะเสนาะหูและ ‘ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเพลงร็อคในยุค 90’ สิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับฟังแต่ก็ยอมรับได้ในตอนนี้คือเพลงแนว Jass-Pop อย่าง “Hold My Hand” ซึ่งทั้งหมดนี้บอกเป็นนัยให้รู้กันว่าวงนี้มีความศักยภาพที่จะสร้างสรรงานชิ้นโบว์แดงออกมาให้พวกเราได้รับฟังกันในวันหนึ่ง
และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ การที่ CNBLUE ผสมผสานท่วงทำนองอีเลคโทร-แดนซ์เข้าไว้ด้วยกันมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เพื่อนรวมค่าย FTISLAND (วงดนตรีวงแรกที่ทาง FNC Entertainment สร้างขึ้นมา) เริ่มเดินเข้าสู่ดนตรีร็อคหนักมากกว่าเดิม ซึ่งดูได้จากเพลงล่าสุดของพวกเขา I WILL ทั้งนี้สิ่งที่ยังคงสอดคล้องกันดำเนินไปด้วยกันได้อย่างลงตัวคือการแต่งเพลงซึ้งกินใจ (เกือบทุกเพลงในอัลบั้ม 2gether แต่งเนื้อร้องโดย จอง ยงฮวา ยกเว้นเพลง “Footsteps”, “Drunken Night” และ “Hero” ซึ่งทั้ง 3 เพลงนี้แต่งเนื้อร้องขึ้นโดย อี จงฮยอน มือกีตาร์ของ CNBLUE ในขณะที่มือเบสของวงอย่าง อี จองชินแต่งเนื้อร้องเพลง “Control”) นอกจากนี้จังหวะที่มีชีวิตและสนุกสนานไม่ว่าแนวทางของวงดนตรีนี้จะเป็นเช่นไรแต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นวงดนตรีร็อควงหนึ่ง
By jeff benjaminn
ThaiTrans by myjhkm@BurningSoulsThailand

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แปลบทสัมภาษณ์ อีจงฮยอน จาก Minitheater About JP Movie “Living City”

แปลบทสัมภาษณ์  อีจงฮยอน จาก Minitheater About JP Movie “Living City” Special Thanks Eng trans by ketch_cp Thai Trans by BurningSouls Thailan...